Tuesday 2 August 2016

simply



บางอย่างที่ได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตบนโลกนี้ทุกวัน
ฉันพบว่า...
ไม่มีวันที่ดีที่สุด
และวันที่แย่ที่สุด
เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรา
.
.
ลองคิดเปรียบเทียบดูเป็นเส้นตรงเรียบๆนะ
วันไหนที่ได้รับข่าวดีมันก็คงเป็นกราฟที่ขึ้นไปสุดๆ
แต่พอเราหายตื่นเต้น เริ่มชินชากับมัน
มันก็จะค่อยๆลดลงปรับลงมาอยู่ระดับปกติเอง
ส่วนบางทีที่รู้สึกว่าชีวิตแย่สุดๆ กราฟนี่ดิ่งลงไปข้างล่าง
แต่พอเราเวลาผ่านไปได้ใช้เวลาเรียนรู้ได้เข้าใจกับมัน
มันก็สามารถกลับมาอยู่ในระดับปกติได้เหมือนเดิม
.
.
เช่นกันว่า..
ต่อให้มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบนเส้นตรงนั้นเท่าไหร่
มันก็ยังจะคงกลับมาอยู่ระดับราบเรียบเท่าเดิมได้
ไม่ขาด ไม่พัง ไม่หายไปไหน
ที่สุดของความพอดี
ที่ฉันได้ค้นพบ
ก็คือเส้นเรียบๆตรงกลางนั่นแหละ
.
.
บางช่วงของชีวิตที่มีความเงียบสงบ
คือความสบายใจที่สุด
ใช้ชีวิตแบบกลางๆไม่ต้องสุขมากไม่ต้องทุกข์มาก
มันคือความราบเรียบที่ดีมากแล้วจริงๆ
ถ้าวันไหนทุกข์มากแล้วต้องรอว่าจะสุขเมื่อไหร่ หรือ
ถ้าวันไหนสุขมากแล้วต้องรอดูว่าจะทุกข์เมื่อไหร่
มันก็คงเป็นอะไรที่วุ่นวายกับความรู้สึกอยู่ดีแหละ
.
.
เพราะฉะนั้นยิ่งเราคาดหวังกับชีวิตมากเท่าไหร่
ฉันรู้สึกว่านั่นเป็นความเสี่ยงที่เราจะเจ็บตัวได้มากขึ้น
วิธีรับมือง่ายๆในแบบที่ฉันคิด
ก็คือต้องปลงกับมัน
เรียนรู้และเข้าใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ลองใช้ชีวิตแบบไม่คาดหวังอะไรเลย
ก็ดีเหมือนกัน..
แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องหมดแรงบันดาลใจนะ
ไฟเล็กๆในมือ คุณถือไว้ได้
แต่ก็ต้องกำมันให้พอดีมือด้วย
สิ่งเดียวที่จะมีพลังมากที่สุดไม่ใช้คำอธิษฐาน
แต่เป็นสิ่งที่คุณลงมือทำ
.
.
ถ้าได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
ผลออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ
ก็คิดซะว่าช่างมันเถอะ
อย่างน้อยก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว
วันนี้ไม่ใช่พรุ่งนี้ไม่ใช่ก็ได้ใครจะรู้

"Don't Rush anything.. If it meant to be,
It will be.."

เชื่อเถอะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
และมีเวลาของมัน คุณก็แค่รอ และ เตรียมใจ พบกับโชคชะตาของคุณ
เป็นกำลังใจให้นะทุกคน :)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ปล. จู่ๆก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ตอนถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกเมื่อวาน
เลยอยากแชร์ให้ทุกคน สู้ๆนะ ><